Soul Moment (2007)

SOuL MOmeNT

ในช่วงบ่ายฤดูร้อน มีนักเรียนวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนัดกันมาทำรายงานที่โรงเรียนในช่วงปิดเทอม ซึ่งโรงเรียนในยามนี้มีเด็กนักเรียนเข้ามานั่งเล่น ทำงาน หรือเล่นกีฬาอยู่ตลอดแต่ด้วยจำนวนที่บางตาและรวมกันอยู่เป็นกลุ่มๆ เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ประกอบด้วย แอน แจ็ค และเพื่อนๆของแอน…แพรกับตูน หลังจากที่ก้าวพ้นประตูโรงเรียนมาได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มมองหาที่นั่งที่อากาศดีและไม่ร้อนจนเกินไป การเดินของพวกเขามีพูดคุย หยอกล้อกันไปเรื่อยทำให้รู้ได้ว่าทุกคนสนิทสนมกันมานานแล้ว

ไม่นานพวกเขาก็เดินมาหยุดที่โต๊ะไม้ตัวหนึ่งใต้อาคารเรียน ที่นั่นเด็กเป็นกลุ่มๆนั่งทำงานหรือพูดคุยกันอยู่แล้ว ทันทีพวกเขานั่งลง แอนก็เปิดวงสนทนาทันที เธอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเพื่อนๆด้วยความคิดถึงแม้เพิ่งจะห่างกันไปได้ไม่ถึงเดือนก็ตาม รวมถึงแจ็ค แฟนหนุ่มของเธอด้วย แจ็ค…ผู้ซึ่งบ้ากีฬาขนาดหนักจนได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และมีบุคลิกที่ทั้งห้าว ก้าวร้าว และเกเร แถมไม่สนใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ชอบเขาขนาดนั้น แต่ด้วยนิสัยอันธพาลหัวโจกนี้แหละ ทำให้นานวันเธอกลับรักเขาขนาดหนักจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยก็ว่าได้ จนเวลาผ่านไปร่วมครึงชั่วโมง สาวๆก็ยังจ้อไม่หยุด แจ็คเริ่มรำคาญและหมดความอดทนกับเรื่องไร้สาระนี้จึงตะโกนตัดบทขึ้นเป็นการปิดวงสนทนาและบอกให้แอนและเพื่อนๆของเธอเริ่มลงมือทำงานสักที ทั้งหมดจึงได้หยุดการพูดคุยและเริ่มลงมือทำงานทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีลมจากไหนไม่รู้พัดผ่านแนวโต๊ะบริเวณนั้นอย่างแรง ทำให้เศษกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าแอนปลิวไปตามสายลมร่วงสู่พื้นอย่างช้าๆ จนเมื่อสายลมนั้นสงบลง แอนจึงลุกจากโต๊ะเดินไปเก็บมัน แต่ในขณะนั้นเองมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าวิน เดินผ่านมาพอดี วินเห็นเศษกระดาษปลิวมาตกลงตรงหน้าพอดี เขาจึงก้มลงเก็บพอดีกับในจังหวะที่แอนเดินมาถึง วินเงยหน้าพร้อมกับยืนขึ้นก่อนจะส่งกระดาษให้เธอ …เขาส่งยิ้มให้แธอ เธอยิ้มตอบ ทั้งสองสบตากัน… ก่อนที่แอนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม

เวลาของเด็กหนุ่มเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่ วินเดินใจลอยไปถึงโต๊ะซึ่งถัดจากโต๊ะของแอนมาสองสามตัว จนเมื่อเขาเดินมาถึง เพื่อนๆของวิน อันได้แก่เจี๊ยบและอาร์มจึงเอ่ยถามสาเหตุที่ทำให้เขาใจลอยด้วยความสงสัย เมื่อความจริงถูกเฉลยจากปากวินถึงสาเหตุที่เขารู้สึกชอบเด็กสาวที่ได้เก็บกระดาษให้เมื่อครู่นี้ทันทีที่ได้พบ เจี๊ยบก็ขัดทันทีเพราะเขารู้จักกับเธอและรู้ว่าแอนมีคนมาจีบเยอะ…เธอเป็นคนที่สวย น่ารักคนหนึ่ง กว่าจะจีบได้คงลำบากและคงจะเข้าไปถึงตัวยากอย่างแน่นอน และที่สำคัญเธอก็มีแฟนที่เธอรักมากและคบกันมานานอยู่แล้วด้วย วิน นิ่ง…ไม่พูดอะไร ได้แต่รับฟังเพื่อนๆ (อย่างไรก็ตาม เขาจะลองดูสักครั้ง เธอจะเป็นแฟนคนแรกในชีวิตของเขาได้หรือไม่?) เมื่อวินกับเพื่อนๆลุกขึ้นไป หารู้ไม่ว่าที่โต๊ะข้างๆ ดอน…เด็กหนุ่มที่ตามแอนมาห่างๆตั้งแต่เธอเดินเข้าประตูโรงเรียนมาและได้นั่งจ้องเธอมาตลอด กลับเริ่มรู้สึกจิตใจว้าวุ่น …เขาลังเล ไม่กล้าเข้าไปทักในขณะที่แฟนและเพื่อนๆของเธอนั่งอยู่เต็มโต๊ะ

แต่ละวันผ่านไป วินขอคำปรึกษากับเพื่อนรักทั้งสอง เจี๊ยบและอาร์มก็ได้สลับกันบอกทั้งเทคนิคและวิธีจีบฯให้เขา วินเป็นคนซื่อและไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนจึงไม่รู้การวางตัว และเพราะความช่วยเหลือจากเพื่อนๆทำให้สืบรู้ว่าแอนเข้ามาทำงานกับกลุ่มเพื่อนๆทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ วินจึงตั้งใจมาดักเจอแอนตอนเช้า ในวันที่แอนมาถึงก่อนแจ็คและเพื่อนๆ

…บางครั้งวินก็เสนอกับเจี๊ยบและอาร์มให้เลือกโต๊ะนั่งทำงานใกล้ๆกับแอน แม้เธอจะไม่รู้ตัว แต่การได้แอบมองและรู้สึกว่ามีคนรักอยู่ใกล้เช่นนี้ก็มีความสุขแล้ว… ยังไงก็แล้วแต่ ดอนยังคงมุ่งมั่นต่อไปในการคอยโอกาสเหมาะที่จะเข้าไปคุยกับแอนในขณะที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นกัน

จนเมื่อสบโอกาสเหมาะ แอนนั่งอยู่คนเดียว วินเลยเดินเข้าไปแนะนำตัวและพูดคุย จนทำให้ดอนถึงกับเคืองอย่างมากเพราะวินเข้าไปหาเธอในจังหวะที่เขาเองก็กำลังจะลุกไปพอดี

…วันหนึ่งเมื่อโอกาสของดอนมาถึง เขาจึงเข้าไปหาแอนเพื่อแสดงตัวและนัดเธอให้ไปทานเข้ากับเขาในวันรุ่งขึ้น

เพราะหลายวันที่ผ่านมา ทุกวันที่แอนเข้าโรงเรียนมักจะได้คุยกับวินเสมอ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆในเวลาต่อมา

…เมื่อเวลาพักกลางวันของวันรุ่งขึ้นมาถึง ดอนจึงได้กินข้าวกับแอนพลางแนะนำตัวและพูดคุยกันอย่างออกรส แต่ปรากฎว่าแจ็คเดินมาเห็นพอดีจึงรีบวิ่งเข้าไปลากตัวดอนออกมาทันทีก่อนที่จะกล่าวตักเตือน เขาบอกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เห็นดอนอยู่กับแอนอีก ได้มีเรื่องแน่! จากนั้นจึงปล่อยดอนไปด้วยสายตาที่อาฆาต ทางด้านดอน ใช่ว่าเขาจะกลัวแต่ที่หือไม่ได้แต่เป็นเพราะเขาตัวคนเดียว ไม่มีพรรคพวกนั่นเอง เมื่อดอนเดินไปไกลลับตา แจ็คหันมาทางแอนก่อนที่จะเข้ามานั่งคุย

…เช้าวันหนึ่ง วินตั้งใจมาดักเจอแอนตามปกติ แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อพบว่ามีเด็กหนุ่มที่ไหนไม่รู้เดินมาคู่กับเธอ (เด็กหนุ่มคนนั้นอาจมาดักเจอแอนเหมือนกับเขาก็ได้) พร้อมกำลังยื่นช่อดอกไม้ให้เธอในขณะที่กำลังเดินผ่านหน้าเขาพอดี วินรู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ปล่อยโอกาสให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาหาแอนได้ …ด้วยความโกรธ ไม่นานเขาก็สืบจนรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่าดอน เขาจึงเตรียมวางแผนที่จะเล่นงานดอนทันที!

…หลายวันผ่านไป หลังจากที่รู้ว่าวันไหนแจ็คไม่ได้มากับเธอ วินก็จะแอบเพื่อนๆไปนั่งทำงานให้แอนและเพื่อนๆเธอในอยู่เสมอ ฝ่ายตูนกับแพรก็ห้ามๆ เชิงเตือน แต่แอนก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แต่ความจริงแล้วในในเธอก็มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น …ทว่าในใจของวิน แอนคือคนที่…ใช่เลย!

ในวันที่วินเดินกลับบ้านกับแอน ขณะเดินอยู่เขาบอกเธอว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งจะพาไป …ไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่สระว่ายน้ำบนคอนโดฯแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมีความสงบ ร่มรื่น และมีทิวทัศน์ที่สวยงามเมื่อมองลงไปยังเบื้องล่างจากชั้นนั้น วินบอกกับแอนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาชอบมาเวลามีเรื่องทุกข์หรือกังวลใจเพื่อหาความสงบให้กับชีวิต หรือบางวันเขาจะมาเพื่อนั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆเพื่อหาคำตอบอีกด้วย แอนรับฟังก่อนจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าตามคำชวนของวิน เขายังบอกกับเธอว่า เวลาที่เขามีเรื่องไม่สบายใจเขามักจะมองขึ้นไปบนฟ้าและพูดกับมัน …จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ทั้งวินและแอนต่างก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้แก่กัน

จนมาวันหนึ่งวินตั้งใจจะเดินเอาของไปให้แอนที่โรงเรียน เมื่อเดินไปใกล้จะถึงในระยะที่มองเห็นกลุ่มของเธอ เขาเห็นดอนกับแอนนั่งคุยเล่นกันอยู่ วินกลับรีบหลบหลังเสาทันที(ในจังหวะที่แอนคุยกับดอนอยู่แล้วหันมาทางวินพอดี) พลางมองดูของในมือ …เขารู้สึกโกรธสุดขีด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากให้แอนต้องลำบากใจ วินคิดแล้วเดินจากไป… แต่ทว่าโชคร้ายที่แจ็คเดินมาพบดอนอยู่กับแอนเข้าอีก เขารู้สึกเลือดขึ้นหน้าและถึงกับตรงเข้าไปชกดอนทันที (แอนร้องกรี๊ด และตรงเข้าไปผลักแจ็คพร้อมบอกให้เขาหยุดแต่เพราะความแข็งแรงเขาก็จับเธอผลักออกไปอย่างง่ายดาย และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะชกต่อ…) ด้วยความเร็วของแจ็ค ดอนจึงหลบไม่ทัน แต่เขาก็ไม่ได้เจ็บมากมายนักจึงตั้งท่าสู้ เขาแลกหมัดกับแจ็คไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงกับนอนหงาย เพราะแจ็คใส่หมัดไม่ยั้งด้วยความโกรธ (ในเวลาต่อมาคนแห่กันมามุงดูมากมาย) แจ็คตะโกนด่าดอนเสียๆหายๆด้วยเสียงที่ดังปกติ วินเดินกลับมาเห็นเหตุการณ์พอดี แต่ไม่ได้ห้าม เขาได้แต่ยืนมองไกลๆด้วยความดีใจลึกๆ …บัดนี้ดอนกำลังลุกขึ้นจากพื้นในสภาพที่มีเลือดไหลออกมาเปรอะทั่วร่างกาย เขาเดินออกไปพร้อมเสียงด่าและเสียงประนามของแจ็ค ในขณะที่แอนก็ตะโกนบอกให้เขาหยุดสักที …จนเมื่อดอนเดินออกไปไกล แจ็คจึงหันมาต่อว่าเธอทันที (ต่อหน้าคนที่มุงดูเหตุการณ์) ก่อนจะลากเธอไปคุยกันตามลำพัง

บ่ายวันหนึ่งที่บ้านของแอน พ่อ แม่ และเธอนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่พ่อจะขอตัวเข้าไปนอนด้วยความเพลียจากการทำงานที่กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่น

เมื่อพ่อของเธอเข้าไปนอนได้สักพัก แอนก็คิดปรึกษาแม่เรื่องแฟนของเธอ(แจ็ค)อีกครั้ง แต่ทันทีที่เอ่ยว่าจะพาแจ็คเข้าบ้านมาให้แม่รู้จักตามคำขอร้องของเขา ปรากฎว่าแม่ก็เริ่มโวยวายทันทีที่เธอยังพูดไม่จบ จนเมื่อแอนเริ่มย้ำเจตนาเดิมของเธอซ้ำไปซ้ำมา แม่ก็เริ่มหงุดหงิดและเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่งอารมณ์ของทั้งแอนและแม่ก็มาถึงจุดขีดสุดเพราะไม่มีใครยอมใคร แอนเริ่มตวาดแม่ ส่วนแม่ก็เริ่มใช้ถ้อยคำรุนแรงที่ทำร้ายจิตใจเธอได้อย่างง่ายดาย เมื่อแอนทนไม่ไหวและขู่จะหนีออกจากบ้าน แม่ของเธอจึงบอกให้ออกไปเลย แล้วอย่ากลับมาอีก …ด้วยความน้อยใจและโกรธสุดขีด เธอถึงกับวิ่งออกไปจากบ้านในขณะนั้นด้วยน้ำตาที่ไหลมาอย่างไม่ทีท่าว่าจะหยุด เมื่อแอนออกไปได้สักพักทั้งตัวและมือไม้ของแม่แอนก็เริ่มสั่นบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งทำลงไปถูกต้องหรอไม่ ทางด้านพ่อของแอนกลับหลับสนิททำให้ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย

…ส่วนแอนหลังออกจากบ้านมา เธอเดินไปเรื่อยเปื่อย ไร้ซึ่งจุดหมายพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ แต่ไม่นานแอนก็นึกขึ้นได้ เธอจึงรีบกดโทรศัพท์ตามวินให้ขี่มอเตอร์ไซด์มารับเธอและพาหนีไป …จะไปที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้ไปไกลๆจากบ้านเพราะเธอไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว ตอนแรกแจ็คไม่เห็นด้วยและบอกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ถูก แต่เมื่อแอนรบเร้าเขามากๆ แจ็คก็ถึงกลับใจอ่อนและยอมมารับเธอ …ที่ลานร้างตรงข้ามโรงเรียนฝั่งประตูเล็ก แอนมายืนคอยแจ็คด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นและสับสน สักพักแจ็คก็มาถึงพร้อมกับมอเตอร์ไซด์ ก่อนที่แอนจะนั่งเขาถามเธอว่าแน่ใจแล้วหรือกับสิ่งที่ทำ เธอตอบว่าแน่ใจ มอเตอร์ไซด์จึงออกตัวทันทีที่แอนขึ้นซ้อน พอดีกับที่วินและเพื่อนๆเดินสวนจะเข้าโรงเรียนมาพอดี เมื่อเห็นเข้า วินก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เก็บไปคิดอย่างไร

2-3วันผ่านไป วินชักเริ่มเอะใจและเริ่มอยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองสงสัยนี้จะถูกต้องหรือไม่ เขาจึงออกตามหาแพรกับตูน และเมื่อได้พบกับพวกเธอ เขาจึงถามว่าแอนหายไปไหน ทางด้านตูนกับแพรที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ยังไม่รู้ ซ้ำยังบอกอีกว่าโทรถามไปที่บ้าน แม่ของเธอก็บอกว่าไม่รู้เช่นกัน ว่าแล้ววินจึงเล่าให้แพรและตูนฟังเรื่องที่เขาเห็นแอนซ้อนมอเตอร์ไปกับแจ็ค เมื่อเล่าจบตูนก็ฟันธงเลยว่า…งานนี้หนีตามกันไป ชัวร์! เมื่อวินได้ยินดังนั้นก็เท่ากับเพิ่มความเชื่อมั่นว่าแอนหนีไปแล้วจริงๆ มันทำให้เขาถึงกับรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที…

…หลายวันผ่านไป แม้ว่าเพื่อนๆจะชวนไปเล่นบาสฯเพื่อให้วินได้หยุดคิดถึงแอน แต่
วินกลับชู้ตทีสองทีก็เลิก ไม่ได้ตั้งใจเล่น และเพราะอาการใจลอยลูกบาสฯจึงไม่ลงแป้น ต่อมาเขาจึงไปนั่งข้างสนาม เฝ้าของให้เพื่อนๆพลางอดคิดถึงเธอไม่ได้เลย เพราะทุกวันที่ผ่านมานี้เขายังคงเฝ้ารอแอน ด้วยการไปที่สระว่ายน้ำบนคอนโดฯทุกวันด้วยความหวังลมๆแล้งๆเพียงเพราะความเชื่อว่า สักวันหนึ่งเธอจะต้องกลับมา

…จนเวลาได้ผ่านไปหลายสัปดาห์ เจี๊ยบกับอาร์มก็นัดวินมาทำงานที่โรงเรียนในวันหนึ่ง ที่โต๊ะแถวนั้นมีคนนั่งคนมากมาย (เต็มเกือบทุกโต๊ะ) เจี๊ยบกับอาร์มก็นั่งทำงานไป แต่วินนั่งเหม่อลอย เพื่อนๆดูออกว่าเขาซีดเซียวลงไป ใบหน้าหมองคล้ำ เหมือนกับคนไม่สบายใจอย่างหนัก และไม่ยอมกินข้าว เจี๊ยบกับอาร์มก็ได้พูดปลอบใจและให้กำลังใจวินมากเท่าที่พวกเขาจะทำได้ เพื่อให้วินรู้สึกดีขึ้น แต่ทว่าภายในใจของวินไม่ได้เป็นเช่นนั้น …ตอนนี้เขามีความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ตัวคนเดียวในโลก รอคอยความรักที่สูญหาย กลับคืน……

1เดือนต่อมา ในช่วงเย็นที่วินมุ่งหน้ามายังสระว่ายน้ำตามปกติก่อนจะกลับบ้าน เมื่อลิฟท์ชั้น6เปิดออก เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้พบแอนขณะที่กำลังจะกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย วินเห็นเข้าจึงไม่รอช้า เขารีบวิ่งไปคว้าตัวแอนด้วยความเร็วในจังหวะที่ทันท่วงทีก่อนแอนจะตกลงไปหากคว้าตัวไว้ช้ากว่านี้ แอนหันมามองและโผเข้ากอดทั้งน้ำตา หลังจากวินประคองแอนให้นั่งเพื่อที่จะพูดคุย วินก็เริ่มถามด้วยความสงสัยทันที เนื่องจากเห็นสภาพที่มอมแมมของเธอ เขาจึงถามว่าไปทำอะไรมา แอนจึงได้เล่าว่าไปเจออะไรมาบ้าง และยากลำบากแค่ไหน จนเมื่อนึกขึ้นได้ วินสงสัยว่าทำไมถึงคิดฆ่าตัวตาย ก่อนตอบ ปากของแอนเริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด เธอพูดพร้อมน้ำตาคลอ…เพราะแจ็คหายตัวไป (เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หลังจากที่เธอออกตามหาแล้วไม่พบ รวมทั้งได้รออยู่นานเขาก็ไม่ยอมกลับมา ทำให้แอนเชื่อว่าแจ็คต้องแอบหนีไปมีผู้หญิงอื่นอย่างแน่นอน) พูดจบเธอก็ร้องไห้อย่างหนัก วินปลอบด้วยคำพูดที่กลั่นกรองออกมาอย่างดี แต่เพียงชั่วครู่…แอนเกิดสลบไป วินเรียก…แอนยังนิ่ง….

เมื่อเธอลืมตา วินถามแอนว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอบอกว่าคงไม่เป็นไร หน้ามืดไปเท่านั้นเอง …อย่าห่วง …เธอสบายดี …ไม่จำเป็นต้องพาไปหาหมอหรอก…เล็กน้อย…

เย็นวันนั้น ในขณะที่แจ็คกำลังเดินพาแอนไปส่งบ้าน เธอก็บอกถึงความรู้สึกไม่สบายใจและความรู้สึกผิดที่มีต่อแม่เมื่อคราวทะเลาะกันครั้งก่อน วินจึงเสนอว่าให้กลับไปขอโทษแม่และบอกกับแม่ว่ารู้สึกอย่างไร เขาเชื่อว่าแม่ของเธอคงอภัยและไม่คิดโกรธเธออย่างแน่นอน เพราะไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูกหรอก…

เมื่อถึงหน้าบ้าน วินบอกให้แอนเข้าไป ส่วนเขาจะยืนรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะได้เห็นแอนเข้าบ้านแล้วเขาจึงค่อยกลับ …ยังไม่ทันที่แอนจะหมุนลูกบิดประตู แม่ก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดแอนทันทีด้วยน้ำตาแห่งความดีใจที่ในที่สุด แอนก็กลับมา จากนั้นแอนจึงเอ่ยขอโทษ แต่แม่กลับบอกว่าลืมให้มันไป เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องเก็บมาคิด และเธอยังโทษตัวเองอีกว่าเธอก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน ก่อนที่จะเสียเวลาปรับความเข้าใจนานไปกว่านี้ พ่อแอนก็เรียกให้แม่ ลูกเข้าบ้านมาได้แล้ว …เมื่อวินได้เห็นดังนั้น เขาจึงรู้สึกสบายใจจึงมุ่งหน้ากลับบ้านไปในที่สุด

จากนั้นเป็นต้นมา เนื่องจากแอนยังไม่หายจากความเศร้า และยังไม่เปิดรับใครทั้งสิ้นเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเริ้มต้นใหม่กับใคร เธอจึงปิดใจและปิดตัวเองในตอนนี้อยู่ แม้แต่ตูนกับแพร…เพื่อนสนิทก็ตาม แต่เพราะวิน… ในทุกครั้งที่เจอหน้าจะหาโอกาสมาเป็นเพื่อนคุยด้วยเสมอ หาโอกาสเหมาะๆเข้าไปปลอบเธอ ทุกที่ที่แอนไปจึงมีเขาไปด้วยเสมอ ไม่ว่าจะไปกินข้าว วินก็กินไปพร้อมกับชวนคุยไป

…วันหนึ่ง วินชวนแอนไปเล่นบาสฯเพื่อจะได้หาโอกาสอยู่ใกล้ๆเธอและเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เธอเศร้าหรือมัวแต่คิดเรื่องที่ผ่านมา วินอยากให้เธอปล่อยความรู้สึกนั้นทิ้งไปซะ …ปล่อยให้มันกลายเป็นอดีตไป …เขาและกาลเวลาจะทำหน้าที่รักษาเธอเอง

พักนี้วินสังเกตว่าดอนหายเงียบไปเลยตั้งแต่แอนกลับมา ทำไมเขาถึงไม่เห็นดอนในขณะที่แอนอยู่ในโรงเรียนนะ… เขาหายไปไหนกันแน่… วินอยากจะถามเรื่องนี้กับแอนเต็มแก่ แต่ทุกครั้งที่เจอหน้า เขาเลือกที่จะเก็บคำถามนี้ไว้เพื่อความสบายใจดีกว่า

…วันหนึ่งในบรรยากาศเย็นสบายน่านั่งเล่น วินกับแอนสบโอกาสนั่งคุย ปรับทุกข์กัน วินบอกให้แอนระบายสิ่งที่ค้างคาภายในใจให้หมด หลังจากที่ปล่อยให้เธอพูดและเขาได้รับฟังทั้งหมด ก็ถึงเวลาที่วินต้องเป็นฝ่ายพูดปลอบเธอ …แอนรู้สึกได้ทันที ถึงน้ำเสียงและการใช้คำเพื่อปลอบเธอ …มันเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่เธอเคยได้ยินมาจากปากผู้ชายคนหนึ่ง จนแอนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ วินจึงโผเข้ากอดทันที แอนรู้ได้เลย ตั้งแต่นี้ต่อไปเธอพร้อมจะเปิดใจรับเรื่องราวต่างๆให้เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง รวมถึงเธอพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นรักครั้งใหม่กับวิน เขาเป็นคนที่เธอเพิ่งค้นพบว่าได้ตามหามาตลอดชีวิต แม้เธอและเขาจะเพิ่งได้มาเจอกันตอนนี้ แต่กับอนาคตวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้…แต่ไม่สำคัญเท่า…ในวันนี้เหมือนพรมลิขิตนำพาให้เธอและเขาได้มาพบกัน เธอรู้เพียงแต่ว่าจะขอทุ่มเทเต็มที่ ให้กับเด็กหนุ่มธรรมดาผู้ซึ่งทำให้แอนอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในทุกๆวัน

เที่ยงวันที่อากาศร้อน แดดจัด …วินเดินคุนกับแอนไปขณะที่กำลังจะออกไปนอกโรงเรียนทางประตูใหญ่ ปรากฎว่าเดินอยู่ดีๆ แอนกลับหน้ามืด เป็นลมล้มไป… ดีที่วินคว้าตัวไว้ทันก่อนถึงพื้น เขาจึงรีบพาไปห้องพยาบาล

…ไม่นานแอนก็ฟื้น เขาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และประคบหน้าผากให้เพราะตัวร้อน รวมทั้งเอายาให้กินด้วย วินสั่งว่าต้องไปหาหมอให้ได้ แอนบอกว่าจะลองไปดู แต่ในใจเธอกลับรู้สึกว่าเรื่องธรรมดาแค่นี้ไม่เห็นจะต้องไปหาหมอเลย… (insert)เนื่องจากหลายวันมานี้แอนหน้าซีดไปมาก เวลาเดินก็มีอาการตัวสั่นอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งมีอาการเบลอ บางครั้งก็ความจำสั้น จำอะไรไม่ค่อยได้เพียงชั่วครู่ ทำให้วินเริ่มสงสัยจากการสังเกตเห็น …เขาครุ่นคิด

หลายวันต่อมา แอนเดินมากับวิน(ที่ช่วยเธอถือหนังสือ) ทั้งสองกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน พวกเขาออกมาทางด้านหน้าอาคารเรียนตึก1 แอนรู้สึกก้าวลงบันไดไม่ไหว และวิงวียน บอกกับวินว่าขอนั่งพักตรงนั้นก่อน… วินพยุงแอนนั่งลง วินจึงรีบถามแอนว่าเป็นอะไร เธอนิ่ง…ไม่ตอบ แต่บอกว่า อีก3วันให้มาเจอกันที่นี่ตอนเย็น เธอมีเรื่องจะบอกเขา ด้วยความใจร้อนและอยากรู้มากๆเขาจึงพูดกับแอนให้บอกตอนนี้เลยได้ไหม แอนบอกเพียงแต่ว่าไม่ได้…อยากรู้ต้องรอ เธอพูดด้วยเสียงที่สั่นตัดกลับใบหน้าและแววตาที่ดูนิ่งผิดปกติ วินจึงเชื่อพร้อมกับเก็บความอยากรู้นี้ไว้ ตอนนี้ทำได้ก็แค่รอ…. ทั้งสองลุกขึ้นยืนและเดินจากกันไปคนละทาง จากตรงนั้น

จนเมื่อวินรู้สึกตัวว่าถือหนังสือของแอนติดมือมา เขาก็รีบวิ่งตามเธอออกไปนอกโรงเรียนทันที หวังจะคืนหนังสือให้ เมื่อวินออกมาถึงบริเวณถนนหน้าโรงเรียน เขาเริ่มมองหาเธอ ไม่นานก็เหลือบไปเห็นแอนอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องขึ้นไป เธอกำลังรีบเดินไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ข้างหน้า(ริมถนน) สีหน้าเหม่อลอยพลางครุ่นคิด วินตะโกนเรียก เธอไม่ได้ยิน ด้วยความอยากรู้เร็วๆที่มีในหัวใจเต็มเปี่ยมว่าแอนจะบอกอะไรในอีกสองวันข้างหน้า โดยไม่ได้มองซ้ายมองขวา เขาข้ามถนนไป…………. ประจวบกับที่แอนปิดประตู และรถก็เคลื่อนออกไปทันที

…………………………………………………………………………………………….

ที่โรงเรียน วินมาคอยแอน… ณ บริเวณที่นั่งพักข้างทางเชื่อมฯ เขาเดินเข้าไปนั่งข้างๆคนกลุ่มหนึ่ง…คนกลุ่มนั้นกลับไม่ได้รู้สึกอยากหันมามองหรือแสดงท่าทางอะไร หรืออยากจะคุยด้วยแต่อย่างไร สักพักวินจึงออกไปเดินเล่นที่ทางเดินยาวเชื่อมจากหน้าประตูโรงเรียนเข้าอาคาร ระหว่างเดิน ผู้คนที่เดินสวนกับเขาไปกลับมีท่าทีที่นิ่งเฉยและผ่านไป ไม่ได้สนใจมองดูเขา

…วินเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งข้างห้องสมุด เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กกลุ่มหนึ่งที่มานั่งอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่วินนั่งลงด้านหลังกลุ่มเด็ก เด็กคนหนึ่งกลางวงก็ทำท่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด พลางกระซิบบอกเพื่อนเบาๆ… จากนั้นเด็กทั้งกลุ่มก็รีบลุกขึ้นยืนและเดินจากไปยังโรงอาหาร(ข้างหน้า)ทันที วินมองตาม พลางคิด…

ที่หน้าเวที ณ ลานการแสดงกลางแจ้งในโรงเรียน วินเหนื่อยจึงไปนั่งเล่นที่นั่นเป็นการพัก …มีชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาทักวิน วินคุยกับเขา ชายแก่คนนั้นจึงได้ถามว่าเป็นไงมาไงมามาทำอะไรที่นี่? จนผ่านไปนานพอสมควรก็ถึงเวลานัด วินจึงขอตัว… หลังจากที่ลุกออกมาและเดินมาได้ไม่ไกล เขาหันหลังกลับไปมอง ชายแก่คนนั้นไม่อยู่ที่นั่นแล้ว วินคิดว่าเขาคงแยกจากไปอย่างรวดเร็ว …ทันทีที่วินมาถึงที่บันไดหน้าอาคารเรียนใต้ตึก1 เขาก็นั่งรอพลางดูเวลาทันที อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลานัดแล้ว

ชั่วครู่ วินเห็นแอนเดินเข้ามาทางประตูเล็ก ด้วยสีหน้าและร่างกายที่ซีดผิดปกติ เธอเดินอย่างช้าๆเป็นจังหวะด้วยการก้มหน้ามาตลอดทาง เมื่อเดินมาถึง แอนหยุด และเงยหน้าขึ้นมามองวิน เธอตกใจเล็กน้อยด้วยการผงะไป แต่จากนั้นเธอก็นั่งลงข้างวิน เขาจับตัวเธอ และรู้สึกเย็นมากจนผิดปกติ วินเริ่มเปิดการสนทนาขึ้นด้วยการถามสารทุกข์สุขดิบ และคุยกันถึงเรื่องอื่นๆเพียงไม่กี่เรื่อง ก่อนที่จะเข้าประเด็น… เขาถามแอนว่ามีอะไรจะบอก แอนนิ่งไปสักพักด้วยสายตาที่เหม่อมองออกไปไกลพลางครุ่นคิดก่อนที่จะพูด …ความจริง เธอไปตรวจมาแล้วพบว่าเป็นโรคความดันในหลอดเลือด วันนี้เป็นวันที่มีกำหนดเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ …ที่เธอยังไม่อยากบอกในวันนั้นเพราะกลัวว่าวินจะมารั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ไป แต่ที่ตัดสินใจบอกเพราะอยากให้วินเจอคนที่ดีกว่า และชีวิตของเขายังอีกยาวไกล ไม่ควรมาจบลงหรือเสียเวลาเปล่าไปกับคนไร้ค่าอย่างเธอที่คงจะหมดความหมายลงในเวลาไม่ช้า วินเริ่มร้องไห้ พลางพูดแต่ว่าไม่จริง เขารับไม่ได้ แอนเริ่มน้ำตาคลอและเสียงสั่นๆบอกวินว่าถึงยังไงเธอก็ไปต่างประเทศไม่ได้แล้ว เพราะเธอ ตายแล้ว………………….

เมื่อวานตอนบ่าย ที่บ้านของเธอ มีงานปาร์ตี้ที่เพื่อนๆ และพ่อแม่จัดให้ เพื่อเลี้ยงอำลาทุกคนไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกันอยู่นั้น โทรศัพท์(บ้าน)ก็ดังขึ้น …แอนเดินไปรับโทรศัพท์ที่อยู่อีกห้องหนึ่งไกลออกไป เสียงเข้ม ทุ้มของผู้ชายปลายสายทำให้รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ เขาถามเธอว่ารู้จักแจ็คไหม เธอบอกรู้จัก เจ้าหน้าที่ฯจึงบอกว่า ให้ทำใจ เขามีเรื่องสำคัญจะบอก …ความจริงแล้วแจ็คไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่ด้วยการฆาตกรรมของดอนที่โกรธเคืองแจ็คจากเรื่องชกต่อยเมื่อคราวก่อน …ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ฯพูดยังไม่จบดีแอนก็เริ่มวิงเวียน หน้ามืด ก่อนจะเป็นลมล้มลงกับพื้น และเสียชีวิตไปในที่สุด ในขณะที่เธอยังไม่ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ฯสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว ……….เพื่อนสองสามคนเดินถือจานไปล้างผ่านมาพอดีจึงตกใจ (ทำจานตกแตก) ร้องกรี๊ด…

ที่บันไดหน้าตึก หลังจากที่แอนเล่าให้วินฟังจบ เขาก็นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรเลย แอนจึงพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน เพราะไม่มีใครพูดอะไรขึ้นเลย แอนถามวิน…ที่เธอคุยกับเขาได้ไม่ใช่เพราะเขาก็ตายแล้วหรอกหรือ? ไม่งั้นเธอกับวินคงไม่ได้พบกันอีกครั้ง ว่าแล้วแอนจึงถามว่าเขาตายยังไง?

ช่วงเย็นวันหนึ่ง บริเวณถนนแถวโรงเรียน แอนกำลังรีบเดินไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ข้างหน้าริมถนน สีหน้าเหม่อลอยพลางครุ่นคิด วินตะโกนเรียก เธอไม่ได้ยิน ด้วยความอยากรู้ที่มีในหัวใจเต็มเปี่ยมว่าแอนจะบอกอะไร โดยไม่ได้มองซ้ายมองขวา

เขาข้ามถนนไป……. ประจวบกับที่แอนปิดประตู และรถก็เคลื่อนออกไปทันที ที่ถนน วินถูกรถยนต์ขับมาชนเข้าอย่างจัง เขากระเด็นไปตามแรงประทะของรถไม่ไกลก็ล้มลงไปกับพื้นถนน เลือดไหลออกมาจากทั่วร่างกายมากมาย เขาสิ้นลมไปพร้อมกับกองเลือด ……… ทันทีที่เกิดเหตุ บริเวณนั้นมีคนมามุงดูมากมาย แต่ทว่ารถยนต์ของแอนกลับเคลื่อนออกไปไกลมากจนเกินกว่าจะรู้ถึงเรื่องราวที่เกิด

เมื่อวินเล่าจบ เธอเริ่มน้ำตาคลอและรั้องไห้ในที่สุด เธอขอโทษวินที่ไม่ได้สนใจเขา (ถึงแม้ว่าแอนจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของวินในตอนนั้นก็ตาม) เพราะเธอทำให้วินต้องเสียชีวิต เพียงถ้าหากเธอไม่ใจลอย ขึ้นรถช้ากว่านี้หน่อย วินก็จะไม่ตาย แต่วินกลับพูดสวนขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพลางเอามือปาดน้ำตาแอนที่ใบหน้า และบอกว่า ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก งานนี้ไม่มีใครผิด และไม่ไช่เพราะเธอหรอกหรือที่ทำให้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง? ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ตายจากไป เขากับเธอก็คงจะไม่มีวันได้กลับมารักกันอีก… เขาพูดพลางยิ้ม แอนหยุดเริ่มหยุดร้องไห้และบอกว่า …ถ้ามันคือโชคชะตาที่ลิขิตไว้เพื่อที่ให้เราได้รักกันจริง และเกิดมาเป็นคู่แท้ของกันและกันจริงๆ ตอนนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็พร้อมแล้ว หากมีวินอยู่เคียงข้างเธอเสมอ …เธอพร้อมที่จะออกเดินทางไกลไปกับเขาและความรักที่ยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรค ด้วยรักที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง …เป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อแอนพูดจบ วินกับแอนก็ประสานมือเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งสองสบตา และลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้าวลงบันไดพร้อมกันเพื่อออกเดินไปในเส้นทางที่ทอดยาวไกลข้างหน้า พร้อมกับแสงสีขาวนวลดุจละอองเมฆที่ส่องแสงตลอดทาง …มันเป็นเส้นทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ความจริงนี่ป็น Treatment ของหนังสั้นเรื่องแรกที่ผมกำกับ แต่เห็นว่าดูแล้วก็คล้ายกับเรื่องสั้น (ที่ไม่สั้น!) อยู่เหมือนกัน จึงได้นำมารวมไว้ใน Blog ด้วย ใครที่ต้องการชมภาพยนตร์หลังอ่านจบ คลิกเข้าไปดูได้ที่ soulmomentfilm.wordpress.com ครับ

 

A Short Film by Supakit Seksuwan

 

 

Soul Moment / 2007 / นวนิยายขนาดสั้น / พิมพ์ / Mac Paper / Drama, Romance