Luang Prabang Film Festival​ 2017

สรุป
เทศกาลหนังหลวงพระบางครั้งที่ 8
Luang Prabang Film Festival​ 2017
เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน 4 วันแรกมา (8-11 ธ.ค. 60) จากการประมวลผลจะขอสรุปดังนี้

[ ภาพรวม ]
เทศกาลหลวงพระบางครั้งที่ 8 แต่เราได้ไปเป็นปีแรกเป็นเทศกาลที่น่าสนใจ จัดช่วงอากาศกำลังเย็นสบาย 19-20 องศา ชมฟรีทุกเรื่อง
ตอนกลางวัน มีจัดฉายในห้องกิจกรรม โรงแรม Sofitel หลวงพระบาง
ตอนกลางคืนก็จะย้ายมาจัดที่ลานกิจกรรมตลาด Night Market ซึ่งเป็นการฉายกลางแปลง
เขาจะขึงจอแล้วก็มีเก้าอี้สีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลมากมายให้ผู้ชมที่สนใจมาชม

งานช่วงเย็นจะเริ่มตอน 6 โมงกว่า จะมีโชว์การแสดงก่อนฉายหนัง

ซึ่งหนังที่ฉายในกลางแปลงหนัง ส่วนใหญ่จะเป็นหนังไทยหรือไม่ก็หนังลาว
เพราะว่าเป็นสถานที่ Open เพื่อให้ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาสามารถดูได้ และเข้าใจง่าย. ด้านหลังที่ฉายหนัง จะมีโซนลานเบียร์เล็ก มีเครื่องดื่ม , Snack ขาย ให้คนนั่งชิลที่โต๊ะได้ ซึ่งเราว่าเจ๋งดี. ถ้าเบื่อๆ ด้านข้างเป็นตลาด Night Market มีของแบกะดินขายกลางถนน เดินได้แบบยาวมากๆ

มีข้อเสียนิดหน่อย คือ เด็กเยอะมาก ชอบส่งเสียงดัง ส่วนหนึ่งเพราะไม่ใช่โรงหนัง เป็นสถานที่เปิด เด็กเลยวิ่งเล่นกันสนุกสนาน กับไฟโดยรอบสว่างเข้าเข้าตา ซึ่งรบกวนคนดูใช้ได้ ทั้งไฟจากตลาด และไฟจากห้องข้างๆจอ

แต่โดยรวมถือว่าเป็นเทศกาลที่ประทับใจ มีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอน

—————————————————–

[ หนังยาว ]
เทศกาลนี้ ทุกปีจะคัดเลือกหนังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาฉาย. ปีแรกที่เราได้มาเทศกาลนี้ก็ได้ดูไป 3 เรื่อง :
1. Women of the Weeping River (2016) จาก ฟิลิปปินส์ / กำกับโดย Sheron R. Dayoc
เรื่องนี้ดูในห้องฉายในโรงแรม เป็นหนังดราม่า สะเทือนอารมณ์ พูดถึงการสังหารหมู่มินดาเนา
เป็นหนังที่ค่อนข้างหดหู่ แต่งานถ่ายภาพสวย บรรยากาศดี เรื่องกดดันนิดนึง เราชอบกลางๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องการเมืองบ้านเค้า เลยไม่ค่อย get บางประเด็น

ในเทศกาลนี้หลายเรื่องมีเชิญผู้กำกับมา Q&A ด้วย ทำให้เราได้เจอผู้กำกับ Sheron R. Dayoc ที่มาพูดคุยหลังฉาย Women of the Weeping River (เป็นผกก.คนเดียวที่เราได้ฟัง Q&A ในเทศกาลนี้)
http://www.imdb.com/title/tt3171340

2. ขวัญนาง (2014) จาก ลาว / กำกับโดย Somphong Phondy
ดูกลางแปลง อันนี้เป็นแบบว่าหนังรักบ้านๆ ธรรมดาๆ โปรดักชั่นไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ เรื่องก็ไม่ค่อยโอ ก็ดูแบบไม่คิดอะไร
คือถ้าว่างมากๆไม่มีอะไรทำถึงดูค่อยดูดีกว่า ถ้าผ่านได้..ผ่านจ้า

3. Rina 2 (2017) จาก บรูไน / กำกับโดย Harlif Hj Mohamad
ดูกลางแปลง เป็นหนังคู่หูแนวเบาสมองไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นหนังที่มาถ่ายทำที่ลาว แล้วก็มีตัวละครพูดภาษาลาวด้วย
ตลก-แฟนตาซี ขำๆไป
http://www.imdb.com/title/tt5950590

* สรุปทั้ง 3 เรื่อง ไม่มีเรื่องไหนชอบเป็นพิเศษ *

ที่เราดูหนังยาวในเทศกาลนี้ได้ไม่เยอะ เพราะเวลาจำกัด+เอาเวลาไปดู Films Around Town
ซึ่งถ้าได้ไปครั้งหน้า และไม่มีข้อจำกัดเรื่องวันกลับ อาจได้ดูหนังเยอะกว่านี้

—————————————————–

[ หนังสั้น ]
นอกจากหนังยาวแล้ว ในงานจะมีโปรแกรมหนังสั้น ซึ่งมี 4 โปรแกรม :
1. VIENTIANALE SHORT FILM COMPETITION
2. VIDDSEE SHORTEE WINNERS
3. THAI SHORTS
4. YOUTH AND AGROECOLOGY SHORT FILM COMPETITION
ซึ่งเราได้ดูโปรแกรมแรกโปรแกรมเดียว : 10 หนังสั้นลาวชนะเลิศการประกวดประจำปีจากเวียงจันทน์ [10 เรื่อง]
ก็ชอบประมาณนึง แต่ละเรื่องก็ดูมีอะไรดี มีทั้งโปรดักชั่นได้ตามมาตรฐาน ต่ำกว่ามาตรฐานบ้าง มีดี มีแย่สลับกันไป แต่คนดูค่อนข้างน้อย เพราะให้ความสนใจหนังยาวมากกว่า

—————————————————–

[ เสวนา ]
นอกจากจะฉายหนังแล้วก็จะมีส่วนของการเสนา PUBLIC DISCUSSION ในหัวข้อต่างๆ ซึ่งมี 4 หัวข้อใน 4 วัน ดังนี้
1. PROTECTING FILMS IN THE AGE OF THE INTERNET
2. MUSLIM VOICES OF SOUTHEAST ASIA
3. SPOTLIGHT ON THAILAND
4. FINANCING YOUR NONFICTION FILM
แต่ที่เราได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบคือหัวข้อแรก ซึ่งมีเชิญผู้ดูแลเรื่องสิทธิ์ภาพยนตร์ใน Internet มาพูดคุย
และเนื่องจากปีนี้ทางเทศกาลโฟกัสหนังไทยเป็นพิเศษ ทำให้มีเสวนาหัวข้อ SPOTLIGHT ON THAILAND ซึ่งเชิญผกก.หนังไทยไปร่วมเสวนาหลายคน ตามที่เคยลงรูปไป แต่ไม่ได้อยู่ฟังจนจบ เพราะว่าต้องกลับกทม.ก่อนจ้า

—————————————————–

[ SEA Movie Theater Project ]
ในงานมีการนำเสนอโครงการ SEA Movie Theater Project โดย Philip Jablon ที่ตระเวนถ่ายภาพโรงหนังทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่ออนุรักษ์ไว้ โดยเป้าหมายสูงสุดเพื่อจะทำหนังสือรวบรวมและอาจทำสารคดี โดยเป็นการยืนนำเสนอและพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้สนใจในโซนภาพถ่ายของเขามุมหนึ่ง ณ โรงแรมโซฟิเทล ตามที่เคย Live ลงเพจเมื่อเช้าวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรามีโอกาสได้ยืนคุยกับเค้าเลยรู้ว่า ในบรรดาประเทศที่เค้าไปตระเวนถ่ายภาพ ปรากฏว่าโรงหนังในไทยเยอะเป็นอันดับต้นๆเลยทำให้เค้าเข้าใจภาษาไทยและพูดได้เยอะทีเดียว โดยเร็วๆนี้จะมีสารคดีเกี่ยวกับเค้าออกมา โดยนักทำหนังสารคดีชาวไทยที่ทำสารคดีในรายการ ก(ล)างเมือง

—————————————————–

[ TALENT LAB FOR SOUTHEAST ASIAN FILMMAKERS ]
ในงานเทศกาลปีนี้มี 2 Artist Development Programs จัดควบคู่กันไป นั่นคือส่วนของ Pitch หนัง. โปรเจ็คไหนที่น่าสนใจจะได้รางวัลเป็นเงิน 100,000 US Dollar (+ กับ Workshop สารคดี)
ซึ่งเรามีอกาสได้เข้าไปนั่งฟังจากคำชวนของพี่เบิ้ล-นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผกก.ไทย ที่เคยทำเรื่อง BKKY , สายน้ำติดเชื้อ , ฟ้าต่ำแผ่นดินสู ที่นำโครงการหนังเรื่องใหม่ Doi Boy ไปเสนอ
นอกจากพี่เบิ้ลแล้ว อีกโปรเจคต์ที่เป็นของผกก.ไทย คือ สารคดีเกี่ยวกับเด็กเรื่อง Song of the Homeland ของพี่ปรีชา ศรีสุวรรณ ที่เคย workshop การถ่ายภาพสารคดีที่ไทยด้วยกันหลายปีก่อน
แต่โปรเจคต์ที่ชนะคือ.. Cat Island (Philippines)
Represented by Siege Ledesma (director, writer) and Ang Alemberg (producer)

+ ตอนที่ไปนั่งดู Pitching เจอน้องเปียโน – พริมริน นางเอกหนังเรื่องหนังสั้นเรื่อง ฝน ใน Long Story Shorts: Lost in Blue ที่ไป workhop ทำสารคดีสั้น AFS-US Documentary Workshop และเคยฝึกงานกับพี่เบิ้ลมานั่งฟังเป็นกำลังใจให้พี่เบิ้ลด้วย 😀

—————————————————–

[ Films Around Town ]
นอกจากจะมีฉายหนัง 2 สถานที่หลัก นั่นคือ โรงแรมโซฟิเทลในตอนกลางวัน และที่ Night Market ในตอนกลางคืนแล้ว ช่วงเทศกาลก็จะมี Films Around Town ที่ฉายหนังสั้นตามสถานที่ต่างๆรอบเมืองอีก 7 จุดฉายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเราก็ได้ไปชมมาทุกที่ โดยเช่าจักรยาน (ภาษาลาวเรียกว่า รถถีบ) ปั่นไปชมแต่ละจุด
โดยหนังสั้นที่ฉายก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ ซึ่งเราก็มี Live ทุกจุดลงเพจเป็นระยะ โดยจะขอสรุปแต่ละที่ตามลำดับการไปชม ดังนี้

1. ศูนย์ศิลปะและชนเผ่าวิทยา
หนังที่ฉายเป็นสารคดีเรื่องเกี่ยวกับชนเผ่า ฉายแต่ละวันไม่ซ้ำกัน ในมุมนึงของคาเฟ่ ข้างๆช็อปขายขายของที่ระลึก. ฉายผ่านทีวีที่อยู่ในตู้ เปิด Loop วนทั้งวัน มีเก้าอี้นั่งดูไม่กี่ตัว .. ตัวหนังเราเฉยๆ ไม่ได้ประทับใจเป็นพิเศษ

2. สถาบันฝรั่งเศส
ฉายสารคดีเกี่ยวกับกสิกรรมการเกษตร ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไร. ฉายผ่านจอทีวี LCD. สถานที่ฉายเป็นห้องโถงเล็ก ไม่มีแอร์ ที่นั่งดูจะเยอะกว่าที่แรกหน่อยนึง

3. Saffron Coffee
เป็นร้านกาแฟเล็กๆ เจ้าของเป็นฝรั่ง ตั้งอยู่ริมน้ำโขง มีหนังสั้นเกี่ยวกับกาแฟเรื่องเดียวสั้นๆไม่กี่นาที เป็นแบบ on demand คือใครสนใจจะดูก็บอกเค้า แล้วเค้าจะพาขึ้นไปนั่งดูมุมนึงของชั้นสอง ผ่าน Mac ตั้งโต๊ะจอใหญ่ (เค้าบอกว่าเราเป็นคนแรกที่ติดต่อขอดูเลย)

4. Big Tree Cafe (อยู่ใกล้ๆกับ Saffron Coffee)
เป็นหนังสั้นเยอรมัน 7 เรื่องคัดสรรโดย RUNNING REEL AND GOETHE-INSTITUTE THAILAND ฉายบนชั้นสองของร้านซึ่งเป็นมุมฉายหนัง ตอนฉายปิดไฟมืด นั่งดูจากจอโปรเจ็คเตอร์ มีเก้าอี้ที่นั่งดูเป็นเรื่องเป็นราว. มีกล้วยฉาบห่อเล็กๆและน้ำดื่มให้ทานฟรี. เจ้าของร้านเป็นผู้หญิง มีสามีเป็น Filmmaker (-> แต่ไม่เจอ). ฉายวันละรอบคือ 5 โมงเย็น แต่เราไปถึงก่อน แล้วพอดีเขาเห็นว่ามีคนมานั่งรออยู่แล้วประมาณ 2-3 คน เลยเปิดฉายให้เลย
ที่นี่รู้สึกเป็นหนังสั้นจริงๆ และเราประทับใจที่สุด

5. Ock Pop Tok: Heritage Shop
ร้านขายของเก๋ๆที่สินค้าทำจากผ้าต่างๆ มีเป็นพวกเสื้อ ตุ๊กตา งานหัตถกรรม คล้ายจิม ทอมป์สัน
ด้านหน้าเป็นคาเฟ่ ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยงาม เดินเข้าไปหน่อยเป็นเรือนไทย ชั้นบนและชั้นล่างก็โชว์ของขาย โดยหนังสั้นจะฉายผ่านทีวี LCD ในห้องเล็กๆชั้นล่าง
หนังที่ฉายเป็นสารคดีเกี่ยวกับการค้นพบโบราณวัตถุในประเทศลาว ซึ่งเรา Enjoy กับมัน และนั่งดูอยู่นานพอสมควร

6. Friends Visitor Center (โรงหมอเพื่อนลาวสำหรับเด็กน้อย)
ฉายสารคดีเกี่ยวกับโรงพยาบาล .. สัมภาษณ์หมอ, จิตอาสาที่ช่วยเหลือเด็ก
ที่ฉายเป็นตึกแถวริมถนน (อยู่ตรงข้ามกับที่ 1.) เข้ามาจะเป็นส่วนขายของเพื่อเอาเงินสมทบทุนช่วยเหลือเด็ก เดินตรงไปข้างในจะเป็นเหมือนห้องสำหรับฉายหนัง มีเก้าอี้ยาวๆให้นั่งดู ตอนฉายก็ปิดไฟ. ส่วนชั้นเป็นแกลอรี่ โชว์ภาพถ่าย ซึ่งเราก็เดินขึ้นไปดูก่อนกลับ

7. @my library
ที่สุดท้าย เข้าไปในซอยลึกนิดๆ อยู่ในชุมขน. ไปถึงติดพักเที่ยง ประตูปิด ก็รอแปปนึง จนบ่ายโมงเขาก็เปิดประตูข้างหน้าออกมา และบอกว่าทางเข้าอยู่ข้างหลัง เราก็ไม่รู้
เลยเดินไปเข้าข้างหลัง .. เข้าไปถึง ก็พบว่าบ้านไม้ 2 ชั้นหลังนี้เหมือนเป็นห้องสมุดชุมชน มีเด็กนักเรียนนั่งเล่นคอมในโซนคอมด้านล่างที่มีหลายเครื่องอยู่. ด้านบนก็จะมีตู้หนังสือมากมาย มีโต๊ะให้นั่งอ่าน บรรยากาศห้องสมุด มองออกไปด้านหลังเห็นแม่น้ำ วิวสวยดี
ที่นี่เป็นหนังสั้นลาวแบบ on demand นั่งดูได้ตามอัธยาศัย ไฟล์อยู่ในคอม Mac มีหลายเรื่องให้เลือกชม.
นี่ก็เป็นอีกที่ถัดจาก Big Tree Cafe ที่ดูเป็นหนังสั้นจริงๆหน่อย

* สรุปชอบ Big Tree สุด , รองลงมาเป็น @my library *

—————————————————–

นอกจากไปร่วมเทศกาลแล้วแล้ว เราก็ได้มีโอกาสแวะชมสถานที่ไฮไลท์+สำคัญด้วย นอกจาก Night Market แล้วก็มี พระธาตุพูสี , วัดเชียงทอง , พระราชวังหลวงพระบาง (Royal Palace Museum) , ร้านเหล้า Utopia ที่ไปทั้งกลางวันและกลางคืนเลย : ตอนกลางวันก็เปิดแต่ขายอาหารทั่วไป ซึ่งคนละบรรยากาศเลย มีฝรั่งมานอนอาบแดดริมแม่น้ำโขงมากมาย แต่ตอนกลางคืนไฟสวย+บรรยากาศดี , ตลาดเช้าในตัวเมืองหลวงพระบาง (ตลาดทาหื่อเหม๋) และร้านขายดีวีดีหนัง ที่เรา Post ลงเพจไปเมื่อวันก่อน แล้วก็ยังได้ตักบาตรเข้าเหนียว มีพระเดินเป็นทางยาวในตอนเช้า แต่มีที่ติดใจหน่อยคือได้เข้าไปร้านอาหารตามสั่งริมถนนร้านหนึ่ง สั่งอาหาร 2 จานทำง่ายๆคือ ข้าวราดผัดกระเพราไก่ และไข่กระทะ แต่พอคิดเงินโดนไป 200 บาท!? สงสัยเห็นเป็นชาวต่างชาติ โคตรเคืองเลย (จริงๆคิดว่าเต็มที่ควรจานละไม่เกิน 80)
ที่หลวงพระบาง อาหารการกินเหมือนของไทยเลย รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ ลาวมีเหมือนไทยเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งทีวี ลาวก็รับสัญญาณจากไทย ทำให้เราดูอะไร เค้าก็ได้ดูหมด แต่บางอย่างที่ลาวมี แต่ไทยไม่มีก็มีนะ 😀

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้
ครั้งหน้าเราจะลงพื้นที่สำรวจเทศกาลหนังอะไร โปรดติดตามนะค้าบ

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.lpfilmfest.org
ภาพประกอบ http://www.facebook.com/pg/FilmClubRepublic/photos/?tab=albums

#LPFF2017

ใส่ความเห็น